ปี68 คาดรถไฟฟ้า-ปลั๊กอินไฮบริด มียอดสะสม 3 แสนคัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในปี 2568 มีโอกาสที่รถยนต์ PHEV และ BEV สะสมในประเทศอาจพุ่งไปสูงถึง 300,000 คัน แสดงให้เห็นถึงความต้องการชาร์จไฟฟ้าในประเทศที่จะเร่งตัวขึ้นนับจากนี้ การพัฒนา Ecosystem อย่างจุดชาร์จไฟฟ้าในที่สาธารณะ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากเทียบเคียงกับกรณีต่างประเทศ จำนวนจุดชาร์จไฟสาธารณะทั่วประเทศอาจควรมีสะสมไม่น้อยกว่า 19,000 ช่องจอด แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ต่ำกว่า 14,000 ช่องจอด เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์เสียบปลั๊กไฟฟ้าสะสมดังกล่าว แม้คาดว่า จำนวนจุดชาร์จไฟสาธารณะมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นจากปัจจุบัน แต่ความท้าทายด้านการลงทุนในเรื่องการเลือกพื้นที่ติดตั้งที่คุ้มค่า โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จนถึงปี 2568 จำนวนช่องจอดชาร์จไฟสาธารณะสะสมอาจจะต่ำกว่าตัวเลขข้างต้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ตลาดรถยนต์ EVs แบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ในไทยกำลังเติบโตก้าวกระโดด โดยปี 2565 นี้ ตลาดรถยนต์ในไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม มาสู่ตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์ จากผลของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และมาตรการส่งเสริมตลาดรถยนต์ BEV ในประเทศของภาครัฐ ที่ออกมาได้ถูกจุด ส่งผลให้ตัวเลขจดทะเบียนรถยนต์ EVs แบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้อย่างรถยนต์ PHEV และ BEV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ยอดขายรถยนต์ PHEV ปี 2565 นี้อาจปิดตัวเลขที่ประมาณ 12,000 คัน
ขณะที่ รถยนต์ BEV ถ้าหากสามารถส่งมอบได้ตามแผนก็อาจพุ่งขึ้นไปสูงกว่า 12,000 คัน ทำให้ในปีนี้มีโอกาสที่จำนวนรถยนต์ EVs แบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ในประเทศจะมีสะสมราว 60,000 คัน และการที่โครงการกระตุ้นการซื้อรถยนต์ BEV ด้วยการให้เงินอุดหนุนและการลดภาษีสรรพสามิตของรัฐยังดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2568 ทำให้คาดว่าจะมีการเร่งซื้อรถยนต์ BEV เพิ่มขึ้น และมีผลทำให้จำนวนรถยนต์ EVs แบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ในประเทศ มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปสะสมแตะระดับ 300,000 คัน ในปี 2568 ด้วยสัดส่วนของรถยนต์ PHEV ต่อรถยนต์ BEV ที่ 40:60คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง